Technical SEO เป็นหนึ่งในสามองค์ประกอบพื้นฐานของ SEO ร่วมกับ Onpage SEO และ Offpage SEO โดยที่ Technical SEO จะค่อนข้างซับซ้อน จุกจิก และมีหลายปัจจัยมากกว่า นอกจากจะทำ Technical SEO เพื่อช่วยให้เว็บไซต์ของเรามีอันดับที่ดีขึ้น ยังช่วยปรับปรุงประสบการณ์การใช้งานเว็บไซต์ของผู้ใช้งานเว็บไซต์ด้วย

เป้าหมายหลักคือทำให้เว็บไซต์ไร้ปัญหาการ Index และการ Crawl โดน Google เพราะหากติดล็อคในส่วนนี้จะทำให้ไม่สามารถมีอันดับที่ดีได้ ประการต่อมาที่เป็นอีกหนึ่งเป้าหมายคือ ปรับปรุงอย่างไรให้เมื่อคนคลิกเข้ามาที่เว็บไซต์แล้วไม่ได้รู้สึกว่าอยากคลิกออกไปใช้เว็บไซต์อื่น เช่น หากเว็บไซต์ของเรานั้นใช้ยากหรือโหลดช้าไป ก็ต้องทำการแก้ไข เพราะ Google จะชอบเว็บไซต์ที่เป็นมิตรกับผู้ใช้งานมากกว่า

มาพูดถึงปัญหา Technical SEO หรือปัญหาขัดข้องทางเทคนิคด้าน SEO ที่พบบ่อยที่อาจทำให้คุณปวดหัวกันบ้าง เป็นไปได้หลายอย่างมากค่ะ เช่น

  
• โครงสร้างเว็บไซต์ที่บกพร่อง
  
• ความเร็วในการโหลดที่ช้าเกินไป
  
• เนื้อหาที่ซ้ำซ้อน
  
• ลิงก์ที่เสียและไม่ถูกจัดการอย่างเหมาะสม
  
• แผนผังเว็บไซต์ XML ที่ไม่ถูกต้อง
  
• ไฟล์ Robots.txt ที่ไม่ได้รับการปรับแต่ง

Technical SEO ค่อนข้างมีการปรับแต่งหลายจุดและหลากหลายตามปัญหาที่เจอ และแน่นอนว่าแต่ละเว็บไซต์อาจเจอกับปัญหาที่แตกต่างกันออกไป ตัวอย่างกิจกรรม Technical SEO ได้แก่ การปรับปรุงความเร็วของเว็บไซต์ การปรับแต่งเว็บไซต์สำหรับการแสดงผลบนอุปกรณ์อื่นๆ ตรวจสอบและแก้ไขการ Crawl และ Index แก้ไขไฟล์ Robots.txt ส่งแผนผังเว็บไซต์ XML Sitemap ให้กับ Google และให้คำแนะนำและปรับแต่งด้านโครงสร้างของเว็บไซต์ ลบเพจและแก้ไขเพจที่มีปัญหา Error เป็นต้น

เช่นเดียวกับบริการอื่นๆ ของ SEO เมื่อใช้บริการ Technical SEO แล้วอาจจะยังไม่เห็นผลขึ้นมาทันที การปรับแต่งพื้นฐานบางอย่างสามารถแสดงผลในระยะเวลาสั้น 2-3 เดือน แต่สำหรับบางการเปลี่ยนแปลง หรือการแก้ไขปัญหาในจุดที่มีความจำเป็น แต่ท้ายที่สุดอาจไม่แสดงผลให้เห็นได้ชัดเจน เพราะการปรับแต่งบางอย่างเป็นเพียงพื้นฐานและปัจจัยสนับสนุนในภาพรวมเท่านั้น

โดยยังมีปัจจัยแวดล้อมต่างๆ ที่ควรคำนึงถึงประกอบกันไปด้วย เช่น สถานะปัจจุบันของเว็บไซต์ของคุณ ความซับซ้อนของปัญหา และความแข่งขันของคู่แข่งในอุตสาหกรรมของคุณบน Google การทำ SEO ในด้านอื่นๆ เช่น Onpage SEO การสร้างคอนเทนต์ และการทำ Offpage SEO (Link Building)

อาจมีสถานการณ์และความเป็นไปได้ที่หลากหลาย โดยจะยกตัวอย่าง ดังนี้

สถานการณ์ที่ 1: บริษัทคุณไม่มีทรัพยากรที่สนับสนุนการทำ SEO ไม่ว่าจะเป็นทรัพยากรบุคคลที่มีความรู้ที่สามารถวิเคราะห์เว็บไซต์ของคุณ หรือทรัพยากรด้านเครื่องมือ SEO ที่จะช่วยเหลือในการทำงาน

สถานการณ์ที่ 2: หากคุณกำลังวางแผนการออกแบบและสร้างเว็บไซต์ใหม่ หรือต้องการที่จะเปลี่ยนแปลงเว็บไซต์ใหม่ทั้งหมด การเริ่มต้นพูดคุยขอคำปรึกษาจากผู้เชี่ยวชาญเพื่อให้คุณอยู่ในเส้นทางที่ถูกต้องตั้งแต่เริ่มต้นเป็นสิ่งสำคัญ เพราะจะได้หลีกเลี่ยงปัญหาแต่แรก แทนที่จะไปตามแก้ไขทีหลัง

สถานการณ์ที่ 3: หากเว็บไซต์ของคุณหายไปจาก Google หรือพบปัญหาเกี่ยวกับความเร็ว โดยเฉพาะปัญหาแรกนั้นต้องการการแก้ไขอย่างเร่งด่วนมากๆ เรียกว่าต้องวางแผนกอบกู้โดนด่วนๆ

เราเข้าใจว่าความปลอดภัยเป็นเรื่องสำคัญ ดังนั้น หากลูกค้าไม่รู้สึกสบายใจที่จะให้การเข้าถึงหลังบ้านหรือ Backend กับเรา ก็ไม่เป็นไรเลยค่ะ สามารถใช้วิธีส่งรายงานที่ทำการรีเสิร์ชและปรับแต่งเสร็จสิ้นแล้วให้กับทางลูกค้า เพื่อให้ทีมงานในบริษัทลูกค้าเป็นผู้นำไปแก้ไขกับเพจบนเว็บไซต์ได้เองได้ค่ะ