วิธีเลือกบริษัทรับทำ SEO | 10 คำถามควรรู้ก่อนซื้อบริการ SEO

10 คำถามสำคัญที่ควรถามบริษัท SEO ของคุณ ก่อนตัดสินใจเลือกใช้ บริการ SEO

1. บริษัทรับทำ SEO ของคุณเข้าใจเป้าหมายในการทำ SEO ของคุณหรือไม่
2. เอเจนซี่ SEO ที่คุณเลือกมีวิธีการเลือก Keywords ให้เว็บไซต์ของคุณอย่างไร
3. บริษัทรับทำ SEO ของคุณใช้วิธีการใดบ้างในการทำ SEO
4. บริษัทรับทำ SEO ของคุณใช้วิธีการใดบ้างในการสร้างลิงก์ (Link Building)
5. บริการ SEO ที่คุณใช้บริการรับทำ Content ด้วยไหม
6. เอเจนซี่ SEO ที่คุณเลือกสามารถทำ Local SEO ได้ด้วยไหม
7. บริการ SEO ที่คุณเลือกอัพเดทข้อมูลเกี่ยวกับ Google Algorithm อยู่อย่างสม่ำเสมอไหม
8. เอเจนซี่ SEO ที่คุณเลือกคิดค่าบริการแบบรายเดือน หรือรายคีย์เวิร์ด
9. บริษัทรับทำ SEO ของคุณมีสัญญาผูกมัดนานแค่ไหน
10. เอเจนซี่ SEO ที่คุณเลือกมีข้อเสนอให้ทำ Google Ads ควบคู่ไปกับการทำ SEO หรือไม่

ไม่ว่าคุณจะเป็นเจ้าของธุรกิจที่มีเว็บไซต์และอยากติดอันดับในหน้าแรกของ Google หรือคุณจะเป็น Digital Marketing Director ของบริษัทขนาดใหญ่ที่กำลังมองหา SEO Agency เพื่อการ Outsource งานในส่วนของ SEO เพื่อการควบคุมต้นทุนของบริษัทและเพื่อเข้าถึงทีมที่มีความเชี่ยวชาญด้าน SEO โดยเฉพาะ คำถามสำคัญก็คือ แล้วคุณจะเลือกบริษัทรับทำ SEO แบบไหนดี 

เมื่อลองค้นใน Google ด้วยคีย์เวิร์ด “บริษัทรับทำ SEO” “รับทำ SEO” หรือ “บริการ SEO” จะพบว่ามีบริษัท Digital Marketing มากมายในประเทศไทยที่รับทำ SEO ในบริษัทจำนวนนั้นต่างก็เสนอราคาค่าบริการ SEO อย่างหลากหลาย เริ่มต้นตั้งแต่หลักพันต้นๆ ไปจนถึงหลักหมื่นปลายๆ แต่ถึงแม้จะมีตัวเลือกมากมาย การเลือกบริการ SEO ที่ลงตัวในราคาสมเหตุสมผล รวมทั้งได้บริการที่ดีมีคุณภาพตรงใจก็ไม่ใช่เรื่องง่าย 

เลยเกิดเป็นที่มาของบทความนี้ค่ะ สำหรับผู้อ่านไม่มีเวลาศึกษาเรื่อง SEO เพื่อลองทำตาม หรือผู้อ่านเป็นเจ้าของธุรกิจที่กำลังมองหาบริการ SEO แบบมือโปรที่จะมาช่วยคุณในทุกเรื่องเกี่ยวกับ SEO ฝนได้ลองรวบรวม 10 คำถามสำคัญที่คุณต้องลองถาม SEO Agency ที่คุณกำลังหมายตาไว้ดูค่ะ ฝนเชื่อว่าคำตอบที่ได้รับจากการถามคำถามเหล่านี้จะช่วยให้คุณตัดสินใจได้ง่ายขึ้นแน่นอนว่าอยากทำงานกับบริษัทไหนมากกว่ากัน

1. บริษัทรับทำ SEO ของคุณเข้าใจเป้าหมายในการทำ SEO ของคุณหรือไม่

บริษัท SEO ที่ใส่ใจคุณจริงควรใช้เวลาทำความเข้าใจเกี่ยวกับธุรกิจของคุณก่อนเริ่มทำแคมเปญ SEO เอเจนซี่ควรถามลูกค้าถึงเป้าหมายของธุรกิจแบบกว้างๆ ไปจนถึงเป้าหมายด้านการตลาดออนไลน์ของลูกค้าโดยเฉพาะ จากนั้นเอเจนซี่จึงค่อยมาช่วยลูกค้าวิเคราะห์ว่า SEO จะสามารถเข้าไปมีบทบาทและช่วยให้ลูกค้าบรรลุเป้าหมายทางการตลาดได้อย่างไร 

บริษัท SEO ที่ดีจะไม่สนใจแค่อันดับของคีย์เวิร์ดและจำนวนผู้ชม (users) ที่เข้ามาชมเว็บไซต์เท่านั้น แต่จะสนใจด้วยว่า users ที่เข้ามานั้น เปลี่ยนมาเป็นลูกค้าของคุณได้มากน้อยแค่ไหน ด้วยการดูจาก Conversion Rate เพื่อที่คุณจะได้รู้ว่า ROI ของคุณจากแคมเปญ SEO นั้นคุ้มค่าแค่ไหน เพราะไม่ใช่ทุกรูปแบบธุรกิจที่จะไม่ได้เหมาะกับการทำ SEO นะคะ

“กล่าวคือ SEO Agency ที่ดีควรเข้าใจ Nature ของธุรกิจลูกค้า เข้าใจเป้าหมายทางการตลาดของลูกค้า และช่วยแนะนำได้ว่า SEO จะมีส่วนช่วยให้ลูกค้าเติบโตในโลกออนไลน์ได้อย่างไร รวมถึงกล้าที่จะแนะนำกับลูกค้าอย่างซื่อสัตย์เมื่อเล็งเห็นว่าการลงทุนใน SEO นั้นอาจไม่คุ้มค่า”

2. เอเจนซี่ SEO ที่คุณเลือกมีวิธีการเลือก Keywords ให้เว็บไซต์ของคุณอย่างไร

การเลือกชุดคีย์เวิร์ดเพื่อนำมาดันให้ติดอันดับในหน้าแรกของ Google นั้นเป็นหนึ่งในขั้นตอนที่สำคัญของการทำ SEO หากสินค้าหรือบริการของคุณมีหลายประเภท ก็ต้องมาเลือกดูว่าสินค้าชนิดไหน หรือบริการอะไรที่จะสามารถนำมาเป็นตัวชูโรงได้ก่อนเพื่อน แล้วต้องลองวิเคราะห์ดูว่าเว็บไซต์ของคุณอยู่ในอันดับที่เท่าไหร่ มีคู่แข่งมากน้อยแค่ไหน ความยากง่ายที่จะไต่อันดับเป็นอย่างไร

อาจขึ้นอยู่กับสถานการณ์ แต่ในกรณีนี้ที่การไต่อันดับอาจเป็นไปได้ยาก บริษัท SEO ที่ดีควรแนะนำให้คุณเลือก Target กลุ่ม Long-Tailed Keywords ก่อน เพื่อที่คุณจะได้มีโอกาสในการติดอันดับได้ง่ายขึ้นผ่านกลุ่มคีย์เวิร์ดที่มีคนเสริชน้อยไปก่อน จากนั้นค่อยๆ เปลี่ยนไปโฟกัสกลุ่มที่มีความยากมากขึ้นตามลำดับค่ะ

“กล่าวคือ SEO Agency ที่ดีต้องสามารถแนะนำลูกค้าได้ว่าควรเลือก Focus ที่กลุ่มคีย์เวิร์ดแบบไหนก่อนอันจะเป็นผลดีกับเว็บไซต์ธุรกิจของลูกค้า รวมทั้งต้องสามารถช่วยลูกค้าวิเคราะห์ความยากง่ายในการไต่อันดับเมื่อเทียบกับคู่แข่งในวงการธุรกิจอีกด้วย”

3. บริษัทรับทำ SEO ของคุณใช้วิธีการใดบ้างในการทำ SEO

การทำ SEO ที่ดีนั้นควรเริ่มจากการทำ Technical Onsite Audit เพื่อดูว่าส่วนสำคัญบนเว็บไซต์ของคุณนั้นอยู่ในสถานะที่ดี เช่น โครงสร้างของเว็บไซต์ โครงสร้างของ URLs การตั้งค่า robots.txt file การเขียน meta data และ HTML tags เป็นต้น 

ลูกค้าอาจจะไม่ต้องเข้าใจขั้นตอนทั้งหมดที่กล่าวมาข้างต้นก็ได้ค่ะ แต่ทริคก็คือควรลองถามเอเจนซี่ที่คุณกำลังดีลอยู่ดูค่ะว่าที่นั่นมีการทำ Technical Onsite Audit ให้ก่อนหรือเปล่า เพราะ SEO ที่ดีไม่ได้ขึ้นอยู่กับการสร้าง Backlinks อย่างเดียว จริงๆ แล้วการสร้างลิงก์ควรมาทีหลัง หรืออาจจะค่อยๆ ทำควบคู่กันไปกับ Onsite Audit ก็ได้ค่ะ จุดสำคัญคือต้องบาลานซ์ทั้งสองส่วนให้ดี

“กล่าวคือ SEO Agency ที่ดีต้องสามารถแจกแจงกับลูกค้าได้ว่าจะใช้วิธีการอะไรเพื่อช่วยเรื่องอันดับของเว็บไซต์ลูกค้าบ้าง และควรที่จะลงมือทำ Technical Onsite Audit และ Link Building ควบคู่ไปด้วยกันค่ะ”

บทความที่เกี่ยวข้อง: การทำ SEO (Search Engine Optimisation) คืออะไร และทำอย่างไร

4. บริษัทรับทำ SEO ของคุณใช้วิธีการใดบ้างในการสร้างลิงก์ (Link Building)

Backlinks คือหนึ่งปัจจัยสำคัญที่ส่งผลกับอันดับเว็บไซต์ใน Google การได้มาของ Backlinks ให้เว็บไซต์ของลูกค้านั้นสามารถทำได้โดยใช้หลายวิธี SEO Agency บางที่อาจจะมีการใช้เทคนิค SEO สายดำ (Black Hat SEO) เพื่อสร้าง Backlinks ให้เว็บไซต์ของคุณค่ะ เช่น การใช้โปรแกรมสร้าง Backlinks อัตโนมัติ การสร้าง Backlinks จาก Spam Comments เป็นต้น ซึ่งแน่นอนว่าเป็นการสร้างลิงก์ที่ไม่ดีกับเว็บไซต์ของคุณแน่นอน

การสร้าง Backlinks ที่มีคุณภาพที่ดีนั้น ต้องใช้เวลาค่ะ บางลิงก์นั้นทางเอเจนซี่อาจจะใช้เวลาถึง 1-3 เดือนเพื่อที่จะได้ลิงก์จากเว็บไซต์คุณภาพดีๆ กลับมาหาเว็บไซ์ของคุณ ดังนั้นต้องเตือนตัวเองนะคะว่าติดอันดับเร็วใช่ว่าจะเป็นเรื่องที่ดี เพราะถ้าหากวิธีที่ได้มาซึ่งลิงก์เป็นวิธีแบบสายดำหล่ะก็ ไม่ปลอดภัยกับเว็บไซต์แน่ๆ ช้าแต่ชัวร์ดีกว่าค่ะ

“กล่าวคือ SEO Agency ที่ดีต้องสร้าง Backlinks ที่มีคุณภาพจากเว็บที่มีคุณภาพ ไม่ใช้วิธีสร้าง Backlinks แบบ Spam ที่จะทำร้ายเว็บไซต์ของคุณในระยะยาว”

บทความที่เกี่ยวข้อง: Backlink คืออะไร ยังสำคัญต่อการทำ SEO หรือไม่

5. บริการ SEO ที่คุณใช้บริการรับทำ Content ด้วยไหม

Content คืออีกหนึ่งปัจจัยสำคัญในการทำ SEO ในปัจจุบัน การทำ Content ที่มีประโยชน์และตอบโจทย์ความต้องการ หรือตอบคำถามแก่กลุ่มลูกค้าเป็นสิ่งที่สำคัญ บริการ SEO บางบริษัทจะรวมบริการการสร้าง Content บนเว็บไซต์ให้คุณด้วย ในขณะที่บางบริษัทแยกส่วนของ Content ไปอยู่ในบริการ Content Marketing 

ดังนั้นเวลาเลือกบริการ SEO ควรถามเกี่ยวกับบริการในส่วนของ Content ด้วยว่าจะรวมอยู่ในแพ็กเกจ SEO หรือไม่ และ Content ที่ทางเอเจนซี่จะสร้างให้คุณนั้นเป็น Content ประเภทไหน อาจสามารถขอดูตัวอย่าง Content ที่ SEO Agency นั้นๆ เคยทำมาแล้วได้

“อย่างไรก็ตาม SEO Agency ที่ไม่มีแพ็กเกจทำ Content รวมอยู่ด้วย ไม่ได้หมายความเป็นเอเจนซี่ที่ไม่ดีนะคะ แต่ SEO Agency ที่เข้าใจถึงความสำคัญของการทำ Content ที่มีคุณภาพควบคู่ไปกับการใช้เทคนิคต่างๆ ของ SEO อาจเรียกว่าเป็นเอเจนซี่ที่ใส่ใจองค์ประกอบและปัจจัยสำคัญต่างๆ อย่างถี่ถ้วนดีกว่าค่ะ”

6. เอเจนซี่ SEO ที่คุณเลือกสามารถทำ Local SEO ได้ด้วยไหม

หากธุรกิจของคุณมีหน้าร้านหรือออฟฟิศไว้ต้อนรับลูกค้า ไม่ว่าคุณจะเป็นธุรกิจที่พัก ร้านกาแฟ ร้านอาหาร คลินิกเสริมความงาม สปา หรือบริษัทรับทำความสะอาด หากธุรกิจของคุณไม่ใช่ธุรกิจที่บริการลูกค้าเฉพาะช่องทางออนไลน์เท่านั้น ธุรกิจของคุณจะได้ประโยชน์จากการทำ Local SEO ค่ะ 

SEO Agency บางที่แยก Local SEO ออกจากแพ็กเกจ SEO ปกติ เพราะฉะนั้นก่อนเริ่มเซ็นต์สัญญาใช้บริการ ควรทำความเข้าใจให้ชัดเจนว่าคุณจะได้รับบริการ Local SEO ในแพ็กเกจ SEO ของคุณหรือไม่ 

ขึ้นอยู่กับประเภทของธุรกิจของคุณ คุณอาจจะต้องการแค่ Local SEO เป็นหลักก็ได้ และไม่จำเป็นต้องใช้บริการในส่วนอื่นๆ ของแพ็กเกจ SEO ปกติ บริษัท SEO ที่ดีส่วนใหญ่ควรที่จะสามารถปรับเปลี่ยนแพ็กเกจ SEO ของเขาให้เหมาะสมกับธุรกิจและความต้องการของคุณได้

“กล่าวคือ SEO Agency ที่ดีต้องสามารถแนะนำได้ว่าธุรกิจของคุณต้องการ Local SEO หรือไม่ หากธุรกิจของลูกค้าต้องการ Local SEO บริษัท SEO ควรมีความรู้ว่าจะต้องใช้เทคนิค Local SEO อย่างไรบ้าง”

บทความที่เกี่ยวข้อง: Google My Business คืออะไร

7. บริการ SEO ที่คุณเลือกอัพเดทข้อมูลเกี่ยวกับ Google Algorithm อยู่อย่างสม่ำเสมอไหม

Google มีการอัพเดทอัลกอริทึมที่ใช้ในการจัดอันดับเว็บไซต์อยู่อย่างสม่ำเสมอ บริษัท SEO ที่ดีต้องติดตามข่าวสารการอัพเดทของ Google อยู่เสมอ เพื่อที่จะสามารถวางกิจกรรมต่างๆ สำหรับเว็บไซต์ของคุณให้สอดคล้องกับอัลกอริทึมของ Google 

ควรลองถามเอเจนซี่ที่คุณสนใจดูค่ะ ว่าปัจจุบันปัจจัยอะไรบ้างที่มีผลต่อการจัดอันดับเว็บไซต์ของ Google เพื่อดูว่าเอเจนซี่นั้นๆ สามารถตอบคำถามของคุณได้ทันที และชัดเจนหรือไม่ค่ะ 

“กล่าวคือ SEO Agency ที่ดีต้องรู้จักพัฒนาเทคนิค และเพิ่มพูนความรู้ให้ทันสมัย เพื่อที่จะได้ตาม Google ให้ทันค่ะ”

บทความที่เกี่ยวข้อง: Google Algorithm คืออะไร | สรุปการปรับ Algorithm

8. เอเจนซี่ SEO ที่คุณเลือกคิดค่าบริการแบบรายเดือน หรือรายคีย์เวิร์ด

SEO Agency บางบริษัทคิดค่าบริการเป็นรายคีย์เวิร์ด บางเอเจนซี่คิดค่าบริการเป็นรายเดือน ฝนไม่เคยมีประสบการณ์การคิดค่าบริการลูกค้าเป็นรายคีย์เวิร์ดมาก่อน และคิดว่าการคิดค่าบริการเป็นรายคีย์เวิร์ดนั้นไม่ค่อยสมเหตุสมผลค่ะ ซึ่งนั่นเป็นความเห็นจากประสบการณ์ส่วนตัว 

ถ้าย้อนกลับไปสัก 10 ปีที่แล้วที่ Google จัดอันดับของเว็บไซต์ผ่านจำนวน Backlinks และเน้น Exact Anchor Texts ในการจัดอับดับ การคิดราคาค่าคีย์เวิร์ดเป็นคำๆ อาจจะฟังดูสมเหตุสมผลในยุคนั้น แต่ในปัจจุบันนั้น Google ได้พัฒนาอัลกอริทึมในการจัดอันดับเว็บไซต์ไปมากแล้ว ไม่ได้ขึ้นอยู่กับแค่จำนวน Backlinks และ Anchor Text อย่างเดียว และเว็บเพจหน้าเดียวก็สามารถถูกดันให้ติดอันดับกับคีย์เวิร์ดได้เป็นพันๆ คำ 

“ดังนั้น การจ่ายเงินเพื่อซื้อบริการ SEO เป็นคีย์เวิร์ดเป็นรายคำนั้น จึงค่อนข้างจะล้าสมัยค่ะ การซื้อแพ็คเกจเป็นรายเดือนโดยมี SEO Agency ช่วยแนะนำกลุ่มคีย์เวิร์ดที่ควร Target จำนวนหนึ่ง แล้วพยายามไต่อันดับตามชุดคีย์เวิร์ดต่างๆ ตามการวิเคราะห์วางแผนที่รัดกุม จะดีกว่าการซื้อบริการเป็นรายคีย์เวิร์ดค่ะ”

9. บริษัทรับทำ SEO ของคุณมีสัญญาผูกมัดนานแค่ไหน

การทำ SEO นั้นเป็นการลงทุนในระยะยาว การจะเห็นผลที่ชัดเจนจากงาน SEO อาจจะใช้เวลาตั้งแต่ 3 เดือนจนถึง 12 เดือนขึ้นอยู่กับประเภทของธุรกิจ และคู่แข่งทางธุรกิจของคุณว่าพวกเขาลงทุนใน SEO เยอะหรือไม่ รวมไปถึงสถานะของเว็บไซต์ของคุณในปัจจุบัน 

บริษัท SEO ส่วนใหญ่จะมีสัญญาสั้น ยาว แตกต่างกันไป บางบริษัทมีข้อผูกมัด 3 เดือน บางบริษัท 6 เดือน บางบริษัท 12 เดือน ถ้าจะให้ฝนแนะนำ ฝนจะแนะนำให้เริ่มจากการลองทำสัญญา 3 เดือนก่อนค่ะ การใช้บริการ SEO ในระยะเวลา 3 เดือน อาจจะไม่ได้ช่วยทำให้คีย์เวิร์ดของคุณขึ้นหน้าแรก โดยเฉพาะอย่างยิ่งหากคีย์เวิร์ดของคุณมีคู่แข่งค่อนข้างสูง 

แต่อย่างน้อยภายใน 3 เดือน คุณน่าจะต้องเห็นพัฒนาการบางอย่างของเว็บไซต์คุณบ้าง เพื่อที่จะได้นำมาวิเคราะห์ประกอบการตัดสินใจต่อไปค่ะว่าควรลงทุนกับ SEO ต่อหรือไหม 

“ดังนั้นก่อนเริ่มใช้บริการ SEO ต้องสอบถามให้ชัดเจน และทำความเข้าใจเรื่องระยะเวลาของสัญญา และการยกเลิกสัญญาให้ชัดเจนก่อนค่ะ”

10. เอเจนซี่ SEO ที่คุณเลือกมีข้อเสนอให้ทำ Google Ads ควบคู่ไปกับการทำ SEO หรือไม่

SEO เป็นหนึ่งในวิธีการทำ Online Marketing ที่คุ้มค่าในระยะยาว ทั้งนี้ทั้งนั้น การทำ SEO เพียงอย่างเดียวอาจไม่สามารถตอบโจทย์เป้าหมายทางธุรกิจของคุณได้เสมอไป ขึ้นอยู่กับธรรมชาติของธุรกิจของคุณ และธรรมชาติของกลุ่มเป้าหมายของคุณ 

บางธุรกิจอาจจะเหมาะกับการลงทุนใน Facebook Marketing มากกว่าการทำ SEO บางธุรกิจเหมาะกับการทำ Instagram Marketing บางธุรกิจนั้นเป็นไปได้ว่าลงทุนกับ SEO อย่างเดียวอาจจะไม่เพียงพอ โดยเฉพาะอย่างยิ่งหากเว็บไซต์ของคุณเป็นเว็บไซต์ที่เพิ่งสร้างเสร็จใหม่ การทำ SEO อย่างเดียวเพื่อให้เห็นผลนั้น อาจจะใช้เวลานานเกินไป 

“ดังนั้น SEO Agency ที่เล็งเห็นจุดนี้ อาจแนะนำให้คุณแยกงบการตลาดออนไลน์ของคุณบางส่วนไปใช้ในการทำ Google Ads เพื่อที่เว็บไซต์ของคุณจะได้มี Traffic และเข้าถึงกลุ่มลูกค้าได้ทันที ในขณะเดียวกันก็ทำ SEO ควบคู่กันไปด้วย”

บทความที่เกี่ยวข้อง: SEO vs Google Ads: คืออะไร ต่างกันอย่างไร แล้วควรทำอะไรมากกว่ากัน

ข้อผิดพลาดในการเลือกบริษัทรับทำ SEO

1. คุณเลือกตามอันดับที่ค้นเจอใน Google

ส่วนใหญ่เราจะมีความเชื่อว่า เว็บไซต์ที่ติดอันดับหน้าแรกต้องเป็นบริษัทที่ดีกว่าบริษัทอื่นๆ เพราะเขาสามารถทำให้เว็บไซต์ของตัวเองติดอันดับได้ ซึ่งก็อาจจะจริงในบางส่วน แต่บริษัท SEO ที่มีคุณภาพไม่จำเป็นต้องติดอันดับหน้าแรกของ Google เสมอไปค่ะ เพราะบางครั้งบริษัท SEO ดีๆ หลายๆ บริษัท มีลูกค้าเยอะมากอยู่แล้ว ผ่านการแนะนำแบบปากต่อปากจากลูกค้า โดยที่เขาไม่จำเป็นต้องพยายามทำ SEO ให้กับเว็บไซต์ของบริษัทของตัวเองก็มีค่ะ 

ดังนั้นเอเจนซี่ผู้ให้บริการ SEO ที่ติดอันดับในหน้าแรกของ Google ไม่จำเป็นต้องดีกว่าเอเจนซี่ที่ไม่ได้ติดอันดับในหน้าแรกเสมอไปค่ะ จะดีที่สุดหากคุณลองทักไปคุยกับหลายๆ เอเจนซี่ดูค่ะ โดยใช้คำถามที่ฝนได้เขียนถึงใน 10 ข้อข้างต้น

2. คุณเลือกตามบทความที่จัดอันดับ “ดีที่สุด” 

ในหนึ่งวิธีที่เรามักจะทำกันเวลาเสริชหาผู้ให้บริการ SEO ก็คือดูจากลิสต์ต่างๆ ใช่ไหมคะ พวก Top 10 SEO Agency in Bangkok หรือ Best SEO Companies in Thailand อย่างนี้เป็นต้น เพราะเราคิดว่าอะไรที่ถูกจัดอันดับมาแล้วต้องเป็นสิ่งที่ดีที่สุด 

แต่ในความเป็นจริงแล้วเอเจนซี่ที่อยู่ในลิสต์เหล่านี้ไม่จำเป็นต้องเป็น Top 10 จริงๆ ค่ะ เพราะเว็บไซต์บางเว็บไซต์ที่จัดอันดับเหล่านี้ คือเว็บไซต์ที่หาเงินโดยการให้บริษัทผู้ใช้บริการ SEO หรือบริการอื่นๆ จ่ายเงินเพื่อที่ชื่อของบริษัทของตัวเองจะได้ลิสต์อยู่ในลิสต์นั้นๆ บางบริษัทที่อยู่ในลิสต์อาจจะเป็นบริษัทที่ดีจริงๆ บางบริษัทก็อาจจะไม่ แต่ยอมลงทุนจ่ายเงินเพื่ออยู่ในลิสต์ 

ดังนั้นฝนแนะนำว่าอย่าดูจากลิสต์อย่างเดียวค่ะ ลองดูปัจจัยอื่นๆ ด้วย อีกอย่างเรื่องการจัดอันว่าใครดีกว่าใครบางทีก็นานาจิตตังนะคะ สิ่งที่ดีที่สุดสำหรับคนอื่น อาจจะไม่ได้ดีที่สุดสำหรับเรา เราต้องลองทักบริษัทต่างๆ ในตัวเลือกแล้วลองคุยกับทุกบริษัทดูค่ะว่าเราคลิกกับบริษัทไหนที่สุด

3. คุณเลือกตามค่าบริการ SEO ที่ราคาถูก

หนึ่งในคีย์เวิร์ดเกี่ยวข้องกับ SEO ที่มีการค้นหาเยอะตลอดการในประเทศไทยก็คือ “SEO ราคาถูก” ซึ่งก็เป็นเรื่องปกติเพราะใครๆ ก็ชอบของถูก และถ้ายิ่งถูกและดี ก็ยิ่งดีเลยใช่ไหมค่ะ เพราะของแพงไม่จำเป็นต้องดีเสมอไป และของถูกก็ไม่จำเป็นต้องไม่ดีเสมอไป 

อีกอย่าง ฝนเองก็เข้าใจว่างบประมาณการตลาดไม่ใช่งบประมาณที่จะเอามาใช้เท่าไหร่ก็ได้ตามใจชอบ ลูกค้าย่อมอยากใช้บริการ SEO ที่ราคาสมเหตุสมผลไม่เกินไปจากงบประมาณที่ตั้งไว้

“แต่ลูกค้าไม่ควรเลือกใช้บริการเพราะราคาถูกอย่างเดียว ควรนำปัจจัยอื่นๆ มาพิจารณาด้วย”

ฝนมีตัวอย่างค่ะ เป็นเว็บไซต์ของบริษัท SEO ที่ฝนรู้จักในออสเตรเลียเมื่อสัก 5 ปีที่แล้ว บริษัทนี้ใช้วิธีการสร้าง Backlinks ที่ค่อนข้างสแปม และสร้าง Backlinks กลับมาหาเว็บไซต์ของตัวเองเป็นจำนวนมาก และเว็บไซต์ของเขาก็ติดอันดับ Top 3 เวลาที่คนเสิรชให้คำว่า SEO Australia, SEO Services Australia แต่ในช่วง 5 ปีที่ผ่านมานั้น เขาได้หยุดใช้เทคนิค SEO สายดำในการทำ SEO ให้เว็บไซต์ของตัวเอง แต่ไม่นานมานี้หลังจาก Google มีการอัพเดทอัลกอริทึมอีกครั้ง เว็บไซต์นี้โดน Penalty ของ Google ค่ะ คือไม่ใช่แค่ไม่ติดอันดับในกับคีย์เวิร์ดที่เคยติดอันดับนะคะ แต่ Google ไม่โชว์เว็บไซต์นั้นใน Google เลยค่ะไม่ว่าจะเสริชด้วยวิธีใด

“ดังนั้น ฝนจึงแนะนำว่า อย่าเลือกใช้บริการ SEO เพราะราคาถูกอย่างเดียวค่ะ ถ้าคุณไม่รู้ว่าเขาใช้วิธีการอะไรในการทำ SEO ให้คุณ เพราะคุณอาจจะกำลังทำร้ายเว็บไซต์ของตัวเองในระยะยาวก็เป็นไปได้ ถ้าผู้ให้บริการเหล่านั้นใช้เทคนิค SEO สายดำโดยที่ไม่ได้บอกคุณค่ะ”

ข้อแนะนำข้อสุดท้ายในการเลือกซื้อบริการ SEO

ข้อแนะนำข้อสุดท้ายค่ะ ฝนแนะนำให้เลือกบริษัท SEO ที่มีลักษณะการสื่อสารต่อกันแบบที่คุณสะดวกใจที่จะคุยด้วย เพื่อให้แน่ใจว่าจะประสานงานกันได้ดีค่ะ 

บางคนอาจจะชอบสื่อสารกับเอเจนซี่บ่อยๆ บางคนอาจจะชอบการสื่อสารน้อยๆ คุยกันเดือนละครั้งก็พอ บางคนชอบที่จะมีส่วนร่วมในงานบางส่วนของ SEO เช่น เขียนบทความที่จะโพสบนเว็บไซต์เอง (เพราะคุณเป็นเจ้าของธุรกิจและมีข้อมูล insight มากสุด) บางคนชอบที่จะให้ทางเอเจนซี่รับผิดชอบงานทุกอย่าง แค่ส่งรายงานผลประจำเดือนให้คุณก็พอ 

บางครั้งคุณอาจจะอยากได้เอเจนซี่ที่คุณสามารถคุยด้วยอย่างเป็นกันเอง ใส่ใจและคอยแนะนำ เพราะคุณเองก็ไม่มีความรู้เรื่อง SEO เลย แต่บางเอเจนซี่ที่มีลูกค้างบประมาณสูงๆ จำนวนมาก ในขณะที่งบประมาณของคุณอาจจะน้อยกว่า ก็อาจจะทำให้คุณไม่ได้เป็น Priority ในการทำงานของเอเจนซี่นั้นๆ ในขณะที่ถ้าคุณใช้บริการเอเจนซี่เล็กๆ เอเจนซี่เล็กๆ อาจจะสามารถทุ่มเทการทำงานให้เว็บไซต์ของคุณได้มากกว่า เป็นต้น

จะเห็นว่าแต่ละคนมีโฟลว์การทำงานและความต้องการที่ไม่เหมือนกัน ดังนั้นการเลือกเอเจนซี่ที่คุยกันแล้วคลิก อีกทั้งดูท่าทีว่าเขาจะให้ความสำคัญกับการเติบโตของธุรกิจของคุณ อีกทั้งยังมีความรู้ ความสามารถในการทำ SEO ที่จะสามารถช่วยเพิ่มฐานลูกค้าผ่านเว็บไซต์ของคุณได้จึงไม่ใช่เรื่องง่ายค่ะ 

แต่ฝนก็หวังว่าบทความนี้ของฝนจะสามารถให้ข้อมูลที่มีประโยชน์กับคุณ และทำให้การเลือกบริษัท SEO ที่ดีที่สุดให้กับธุรกิจของคุณง่ายขึ้นนะคะ ขอให้สนุกกับการเติบโตธุรกิจของคุณค่ะ

บริการ SEO ของ Search Studio

Search Studio ให้บริการรับทำ SEO Full package เพื่อช่วยเพิ่มยอดผู้เข้าชมเว็บไซต์ โดยเน้นคุณภาพและประสิทธิพลในระยะยาวเป็นที่ตั้ง ด้วยกลยุทธ์ที่ออกแบบให้เหมาะกับธุรกิจของคุณ ตั้งแต่การ research เพื่อหากลุ่มของ keywords ที่จำเพาะกับกลุ่มเป้าหมาย ให้คำปรึกษาในการตกแต่งเว็บไซต์และการเผยแพร่บทความที่จะช่วยทั้งในเรื่องของอันดับใน Google และช่วยสร้างภาพลักษณ์ที่ดีให้แบรนด์ด้วยเครื่องมือขั้นสูง โดยมีการติดตามผลลัพธ์การทำงานและวัดผลอย่างต่อเนื่อง