เมื่อยุคปัจจุบันโลกออนไลน์เข้ามามีบทบาทกับชีวิตอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ บวกกับพฤติกรรมของคนที่เปลี่ยนไปจากเดิม นั่นทำให้ธุรกิจต้องให้ความสำคัญเรื่องการตลาดออนไลน์มากขึ้นกว่าเดิม สิ่งสำคัญไม่ใช่มีแค่ส่วนของ Social Media เท่านั้น แต่การมีเว็บไซต์พร้อม URL ที่ดี รองรับ SEO ยังช่วยสร้างความน่าเชื่อถือและเพิ่มโอกาสในการติดอันดับหน้าแรกอีกด้วย คำถามที่น่าสนใจของมือใหม่หลายคนที่หันมาสร้างตัวตนธุรกิจบนโลกออนไลน์ย่อมหนีไม่พ้น URL คืออะไร แล้ววิธีเขียน SEO-friendly URLs ต้องทำยังไงบ้าง มาหาคำตอบทั้งหมดได้เลย
URL คืออะไร?
URL ย่อมาจาก Uniform Resource Locator คือ ลิงก์ที่อยู่หรือตำแหน่งของหน้าต่าง ๆ บนเว็บไซต์ที่ระบุชื่อแบบเฉพาะตัว ไม่ซ้ำกับลิงก์อื่นบนโลกออนไลน์ เมื่อคลิกเข้าไป หรือนำรายละเอียดทั้งหมดไปวางไว้บนหน้าเว็บ Search Engine ก็จะพาเข้าสู่หน้าต่างของเว็บดังกล่าวพร้อมค้นหาข้อมูล รายละเอียดที่สนใจต่อได้ทันที ดังนั้นหากสรุปแบบเข้าใจง่าย URL คือ ที่อยู่เว็บไซต์ซึ่งในหน้าเหล่านั้นเจ้าของเว็บจะทำการอัปโหลดข้อมูลต่าง ๆ ที่ต้องการให้คนเข้ามาพบเจอเพื่อจุดประสงค์แตกต่างกันไป
ส่วนประกอบของ URL มีอะไรบ้าง
เมื่อเข้าใจความหมายกันชัดเจนแล้วว่า URL คืออะไร เพื่อเพิ่มเติมทักษะให้แน่นมากยิ่งขึ้นจึงอยากนำเสนอข้อมูลอีกเล็กน้อยเกี่ยวกับส่วนประกอบของ URL ซึ่งต้องบอกว่ามีอยู่เยอะมากแต่จะขออธิบายถึง 2 ส่วนหลักที่มีความสำคัญมากสุด ดังนี้
- Protocol Identifier
หรือจะเรียกว่า Scheme ก็ได้เช่นกัน จะอยู่ด้านหน้าสุดของ URL มีทั้งบิตแบบ http และ https (รุ่นของโปรโตคอลที่มีระดับความปลอดภัยสูงสุด) ส่วนนี้ช่วยให้ทุกคนเข้าสู่หน้าเว็บไซต์ผ่านระบบ DNS (Domain Name System) แม้บางทีเวลาคุณเพิ่มชื่อหน้าเว็บไซต์ลงไปบน Search Engine แต่ไม่ได้ใส่โปรโตคอลด้านหน้า แต่ทว่าพวกมันก็จะอยู่ด้วยเสมอ
- Resource Name (Authority)
หากอธิบายง่าย ๆ มันก็คือส่วนที่อยู่ต่อท้ายจากโปรโตคอล หรือเนื้อหาทั้งหมดหลังจาก “://” ซึ่งจะมีส่วนย่อยแยกออกไปอีกเยอะพอสมควรไม่ว่าจะเป็นโดเมนเนม หรือ DNS (Domain Name System) หลายคนอาจเรียกชื่อ Host Name ก็ได้เช่นกัน ส่วนนี้จะมีความแตกต่างกันออกไปขึ้นอยู่กับการตั้งค่าจากเจ้าของเว็บไซต์ เช่น มีชื่อหลักในหน้า Homepage ส่วนหน้าอื่น ๆ ก็เพิ่มเติม Path ต่อท้ายให้แตกต่างกันเพื่อเป็นเส้นทางส่งไปสู่หน้าถัดไปจากโดเมนหลัก
รวมถึงยังมีสิ่งที่เรียกว่า Subdomain หรือโดเมนย่อยซึ่งจะอยู่ด้านหน้าของโดเมนหลักคั่นด้วย . เพื่อแยกส่วนต่าง ๆ ของเว็บไซต์ให้เป็นหมวดหมู่ชัดเจน ตอบโจทย์สำหรับผู้ที่กดเข้ามาสามารถใช้งานง่ายขึ้นกว่าเดิม ก่อนที่ทุกโดเมนต้องปิดท้ายด้วย TLD หรือ โดเมนระดับบนสุด เช่น .com, .co.th, .org, .net เป็นต้น
เทคนิคการเขียน SEO-friendly URLs สำหรับเว็บไซต์
การสร้างเว็บไซต์ไม่ใช่แค่เรื่องของการมีที่อยู่เป็นหลักแหล่ง ดูน่าเชื่อถือ พร้อมเพิ่มเติมข้อมูลลงไปเท่านั้น แต่ยุคนี้หน้าเว็บไซต์ถือเป็นหัวใจสำคัญของการตลาดออนไลน์ในรูปแบบ SEO ซึ่งหลักการสำคัญนอกจากเรื่องของเนื้อหาภายในหน้าเหล่านั้นต้องทำตามเงื่อนไขอย่างถูกต้องแล้ว URL ก็เป็นอีกส่วนประกอบที่จะช่วยดันหน้าเว็บดังกล่าวให้ติดอันดับตามคำค้นหาที่เกี่ยวข้องด้วย ลองมาศึกษาเทคนิคการเขียน SEO-friendly URLs กันได้เลย
1. ใช้ Keyword ให้มีอยู่บน URL
ข้อแรกจัดว่าเป็นเรื่องสำคัญที่สุดหากใครต้องการเขียน SEO-friendly URLs หากหน้านั้น ๆ คุณเน้น Keyword ไหนเป็นสำคัญก็ควรมี Keyword ดังกล่าวอยู่บนหน้า URL ต่อท้ายในส่วนของ Path ด้วยเสมอ เพื่อให้การค้นหาสำเร็จเป็นเรื่องง่ายขึ้นกว่าเดิม ซึ่งการมีคำนี้อยู่บน URL ไม่ใช่แค่ทำให้การค้นหาเจอเท่านั้น แต่ยังช่วยย้ำเตือนคนที่กำลังศึกษาข้อมูลเหล่านั้นได้รู้ด้วยว่าตอนนี้เนื้อหาหลักของหน้าเว็บดังกล่าวเกี่ยวข้องกับเรื่องไหน
อย่างไรก็ตามอีกสิ่งที่ควรรู้เอาไว้คือ ระบบอัลกอริทึมของ Google ยุคนี้เวลาคุณจะใส่ Keyword ลงใน URL อย่าใส่แบบโต้ง ๆ หรือเน้นแค่คำเดียวโดยไม่มีคำอื่นรวมอยู่เลย เพราะลิงก์แบบดังกล่าวมักถูกมองว่าเป็น Spam ลดโอกาสการค้นหาเจอจนทำให้เว็บอันดับไม่ดีตามไปด้วย
2. เน้นสั้น กระชับ ความหมายชัดเจน
อย่างที่บอกไปว่าการเขียน URL ควรมีคำอื่นผสมกับ Keyword แต่คำที่เพิ่มเติมเข้ามาเป็น Path ควรเน้นให้สั้น กระชับ และสื่อถือความหมายเกี่ยวกับเนื้อหาที่อยู่ในหน้านั้น ๆ อย่างชัดเจน ไม่ต้องใช้คำยืดยาวมากเกินไป นอกจากผู้อ่านจะไม่จำแล้วตามหลัก SEO ลิงก์ประเภทนี้ยังถูกมองว่าไม่มีประสิทธิภาพจนไม่สามารถทำอันดับให้ดีอย่างที่คาดหวังเอาไว้ได้
3. ถ้าเป็นภาษาอังกฤษควรใช้ตัวพิมพ์เล็กทั้งหมด
ในกรณีที่คุณทำลิงก์ URL ต่อท้ายเป็นภาษาอังกฤษ อีกคำแนะนำดี ๆ ที่จะช่วยให้การทำ SEO มีคุณภาพนั่นคือควรเลือกใช้ตัวพิมพ์เล็กทั้งหมด เนื่องจากตามความคุ้นชินทั่วไปผู้ใช้งานมักพิมพ์อักษรตัวเล็กกันอยู่แล้ว ซึ่งจะทำให้การค้นหาตรงประเด็นและแม่นยำมากขึ้นกว่าเดิม ส่วนใครที่ใช้ภาษาไทยก็ไม่ใช่เรื่องผิดแต่ยังคงเน้นย้ำให้สั้น กระชับ ส่วนธุรกิจที่เน้นขายลูกค้า Worldwide ยังไงก็ควรเป็นภาษาอังกฤษเพื่อความสากลมากที่สุด
4. ระบุความเฉพาะเจาะจงลงไปด้วยก็ได้
อีกคำแนะนำเพิ่มเติมในการทำ SEO-friendly URLs หากเป็นหน้าสินค้าหรือบริการที่มีความเฉพาะตัวสูงอยู่แล้วก็อาจระบุแยกตามไซส์ สี ขนาด รุ่น ยี่ห้อ บ่งบอกถึงคุณลักษณะของสิ่งดังกล่าวได้เลย เพราะเวลาคนทั่วไปค้นหาหากเขามีชื่อรุ่นหรือสิ่งที่ต้องการในใจอยู่แล้วคำค้นหาส่วนมากก็มักระบุข้อมูลทุกอย่างชัดเจน หากลิงก์ URL ของคุณมีคำเหล่านั้นก็เพิ่มโอกาสที่จะติดอันดับหน้าแรก
ความสำคัญของ URLs ในการทำ SEO คืออะไร
อย่างที่รู้กันว่า URL เป็นสิ่งที่ระบุที่อยู่เว็บไซต์เพื่อบ่งบอกเนื้อหา ไฟล์ข้อมูล รูปภาพ และทุกอย่างที่เกี่ยวข้องในหน้าต่างดังกล่าว ด้วยเหตุนี้ความสำคัญของ URLs ในการทำ SEO จึงมีอยู่ด้วยกันหลายด้านมากทีเดียว
1. โอกาสค้นหาสำเร็จและเปลี่ยนเป็นลูกค้ามีสูง
ความสำคัญอย่างแรกของยูอาร์แอลย่อมหนีไม่พ้นฐานะของผู้ช่วยที่จะพร้อมทำให้หน้าเว็บของคุณมีโอกาสติดอันดับการค้นหาเจอจากกลุ่มเป้าหมายที่อาจเปลี่ยนสู่โหมดลูกค้าในอนาคตได้ เมื่อเขาค้นหาโดย Keyword นั้น ๆ เป็นประจำแล้วเจอเว็บของคุณเชื่อว่าต้องมีสักครั้งที่เขากดเข้าไปดูแบบไม่ต้องสงสัย หากสินค้าถูกใจ ราคาคุ้มค่า หรือมีสิ่งที่ตรงสเปกก็พร้อมกดซื้อทันที
2. เกิดการจดจำได้ง่ายขึ้น
สิ่งต่อมาการที่คุณสร้าง URL ให้กระชับ จำง่าย มี Keyword ผสานเข้าไปด้วยแบบชัดเจนจะช่วยสร้างการจดจำ แม้คนส่วนมากอาจไม่ได้สนใจ แต่ถ้าพวกเขาเห็นว่านี่คือเว็บที่ใช้งานประจำ การเห็น URL ที่คุ้นเคยบ่อย ๆ จะช่วยให้เกิดการจดจำ และยังนำไปสู่การบอกต่อเวลามีคนซักถาม เพิ่มโอกาสทางธุรกิจที่ดีอีกด้วย
3. เพิ่มยอดการแชร์และการเข้าถึงจากบุคคลอื่น
การทำ URL ให้เป็นมิตรกับ SEO ตามเทคนิคที่บอกไปยังมีส่วนสำคัญในการเพิ่มยอดแชร์พร้อมการเข้าถึงจากบุคคลกลุ่มอื่นที่ไม่ใช่แค่ลูกค้าเท่านั้น เช่น การนำข้อมูลบทความจากบล็อกที่มีมีสาระไปแชร์ต่อบน Social Media พอคนกดคลิกเข้ามาเยอะเข้าก็ช่วยเพิ่ม Traffic อันดับเว็บไซต์ให้ดีขึ้น และในอีกมุมหนึ่งยังส้างโอกาสที่คนอื่นเข้าถึงเว็บไซต์และมีสิทธิ์เปลี่ยนเป็นลูกค้าในอนาคตได้
4. เข้าถึงสินค้าและบริการที่เจาะจงได้ง่ายขึ้น
อย่างที่บอกในกรณีคุณทำลิงก์ URL ของสินค้าแบบเฉพาะเจาะจง มีชื่อรุ่น ไซส์ ขนาด สี ฯลฯ ที่ชัดเจน ก็สามารถช่วยให้ลูกค้าเข้าถึงสินค้าและบริการนั้น ๆ ง่ายขึ้น นอกจากการเพิ่มยอดขายที่รวดเร็ว ยังสร้างความประทับใจและอยากกลับมาใช้บริการใหม่ครั้งถัดไปอีกด้วย
บทส่งท้าย
จะเห็นว่าการทำธุรกิจออนไลน์ไม่ว่าจะเป็นมือใหม่หรือคนที่กำลังปรับตัว เรื่องของ SEO-friendly URLs เป็นสิ่งสำคัญมาก ไม่ใช่แค่สร้างเว็บขึ้นมาให้พอมีความน่าเชื่อถือแต่ยังต้องสามารถสร้างยอดขาย ผลกำไรและการเติบโตทางธุรกิจควบคู่ไปอีกด้วย เพราะพฤติกรรมคนรุ่นใหม่หันมาใช้โลกออนไลน์กันเกือบหมด ลองนำข้อมูลเหล่านี้ไปปรับใช้กันได้เลย
